จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวผลการปราบปรามยาเสพติดที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนบริเวณรถซุ้มน้ำที่ให้บริการในพื้นที่
นายอนุทินสั่งน้ำบ๊วยโซดารับประทาน โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งเมนูเดียวกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลาย นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมยกป้ายเมนูถามและสั่งเครื่องดื่มแทนให้กับผู้บังคับบัญชาตำรวจ ก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้ทุกคนด้วยตนเอง พร้อมกล่าวติดตลกว่า เมื่อตนเจอหน้า ผบ.ก็ชื่นใจ เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เพิ่งมารู้จักกันเพราะงาน และต่างทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ต่อมา นายอนุทินกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีจะ ตัดวงจรฟอกเงินในประเทศ หรือจะตัดใจจากรัฐมนตรีบางคน โดยยืนยันชัดว่า เลือกทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
สำหรับกรณีของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งตกเป็นกระแสข่าวเชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ นายอนุทินกล่าวว่า บุคคลระดับนี้ ไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจ เพราะทุกคนรู้หน้าที่ของตน แต่ตนได้แนะนำให้นายวรภัคออกมาชี้แจงต่อสาธารณะเพื่อความโปร่งใสและไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยนายวรภัครับปากว่าจะชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กและต่อสื่อมวลชนภายใน 5-10 วัน พร้อมจัดทำรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรส่งถึงนายกรัฐมนตรีด้วย
เมื่อถูกถามว่า หากพบหลักฐานเชื่อมโยงรัฐมนตรีบางคนกับขบวนการสแกมเมอร์ จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทินตอบอย่างชัดเจนว่า ตนทำงานโดยไม่ยึดติดกับชื่อบุคคล แต่พิจารณาจากพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินเป็นหลัก หากพบว่ามีที่มาที่ไปไม่ถูกต้อง เปิดชื่อมาเจอใครก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด พร้อมกล่าวย้ำว่า ต่อให้เปิดมาเจอชื่ออนุทิน ตำรวจก็ต้องจับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า ไม่มีการ อุ้มสม หรือช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ไม่ต้องตัดใจ เพราะไม่ใช่พ่อไม่ใช่ลูก ไม่ใช่พี่ไม่ใช่น้องกัน ต่อให้เป็นพ่อลูกกัน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี.
